ภาวะน้ำหนักเกิน หรือ โรคอ้วน มักจะเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นด้วยการกินที่มากเกินร่างกายต้องกาย การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอหรือพันธุกรรมที่ผิดปกติ ก็ล้วนแล้วสามารถส่งเสริมให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินได้ทั้งสิ้น จึงทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่จะสามารถช่วยลดน้ำหนักโดยการ “ดูดไขมัน” ออกจากร่างกายเกิดขึ้นมาเพื่อสนองความต้องการของคนเรา วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปทำความรู้จักกับ “การดูดไขมัน” และ”การดูแลตนเองหลังดูดไขมัน” กันครับ
การดูดไขมันเป็นอย่างไร?
การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นการใช้เครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายท่อยาวใส่เข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อดูดไขมันส่วนเกินออกมาจากบริเวณต่าง ๆ ได้แก่ หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ต้นแขน คอ ก้น เป็นต้น ทำให้ลดจำนวนไขมันบริเวณส่วนต่าง ๆ ที่สะสมเฉพาะที่ลงได้
ใครสามารถดูดไขมันได้บ้าง?
ผู้ที่เหมาะกับการดูดไขมันสามารถแบ่งออกเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
●เป็นผู้ที่มีน้ำหนักในเกณฑ์ปกติ (normal BMI or within 30% of ideal body weight) และมีไขมันส่วนเกินเฉพาะส่วน โดยไม่สามารถลดได้หลังจากการการออกกำลังกายและคุมอาหาร โดยหลังจากลดน้ำหนักควรมีน้ำหนักที่คงที่ประมาณ 6 เดือน ถ้าน้ำหนักไม่คงที่อาจจะมีไขมันกลับมาสะสมใหม่
●มีคุณภาพความยืดหยุ่นของผิวหนังที่ดี ผิวหนังที่หนาจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าบริเวณที่บาง แตกลายและหย่อนคล้อย การดูดไขมันไม่สามารถรับประกันการแก้ไขภาวะ เชลลูไลท์
●ผู้ที่มีสุขภาพดีไม่มีโรคประจำตัว ไม่สูบบุหรี่ หรือ ดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าทานอาหารเสริม วิตะมินควรหยุดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ผู้ที่ต้องการจะดูุดไขมันควรจะได้รับทราบข้อมูลรวมถึงเข้าใจผลที่จะได้รับและความเสียงจากการผ่าตัดจากศัลยแพทย์ก่อนการผ่าตัด
ขั้นตอนการดูดไขมัน
●การใส่ Tumescent (ยาชา, ยาที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว และตัวยาอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิก) เพื่อลดความเจ็บลง และช่วยให้ใช้เวลาพักฟื้นหลังดูดไขมันน้อยลงครับ
●การสลายไขมัน ซึ่งขั้นตอนนี้สามารถทำได้โดยการใช้เครื่องดูดไขมันพลังงานต่าง ๆ เข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ body-jet (ดูดไขมันและเติมไขมันได้ในเครื่องเดียว) หรือเครื่องดูดไขมันพลังงานคลื่นเสียง Ultra Z, เครื่อง Vaser smooth 2.2เป็นต้น
●ขั้นตอนการดูดไขมันออกมา หลังจากนั้นหมอก็จะรีดน้ำใต้ผิวออกมา และให้เจ้าหน้าที่ใส่ชุดกระชับให้คนไข้ครับ
ความเสี่ยง และภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบจากการดูดไขมัน
– ความเสี่ยงที่ต้องได้ยอมรับจากการดูดไขมันที่เราต้องทราบ ได้แก่ เลือดคั่ง เสียเลือดมาก, ภาวะเสียสารน้ำ หรือความผิดปกติของเกลือแร่ บวม ช้ำ น้ำเหลืองคั่ง, การติดเชื้อบริเวณที่ผ่าตัด อาการชา หรือ แสบร้อนที่ผิวหนังมากกว่าปกติ
– แผลเป็น, ผิวหนังเป็นคลื่น ลอน ไม่เรียบ จากการดูดไขมันน้อย หรือมากไป หรือเกิดจากคุณภาพของผิวหนังที่ขาดความยืดหยุ่น
– การบาดเจ็บต่ออวัยวะข้างเคียง เช่น กล้ามเนื้อ ผนังหน้าท้อง เส้นประสาท เป็นต้น
– ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หรือ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เป็นภาวะที่พบได้น้อยแต่สามารถเป็นอันตรายแก่ชีวิต
4 ขั้นตอนการดูแลตนเองหลังการดูดไขมัน
– หลังทำควรหลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณแผล จนกว่าแผลจะแห้งสนิท
– หากต้องการทาครีมลดรอยแผลเป็น ควรทิ้งระยะไว้ 2 สัปดาห์หรือรอจนกว่าแผลจะแห้งสนิท
– สวมชุดกระชับหลังทำการดูดไขมัน
– สวมใส่เสื้อผ้าหลวมๆ เพราะหลังทำการดูดไขมัน ต้องใส่ชุดกระชับตลอดเวลา จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดและรู้สึกคล่องตัวกว่า
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “การดูแลตนเองหลังดูดไขมัน” ที่เราได้รวบรวมมาฝากท่านผู้อ่านที่สนใจกันในข้างต้น หวังว่าจะเข้าใจและดูแลตนเองได้อย่างถูกวิธีกันไม่มากก็น้อยนะครับ